สนาม: สายด่วนเซินเจิ้น
บทนำ: สภาทนายฯ ตั้งคณะกรรมการสอบทนายตั้มหลังถูกกล่าวหาร่วมขบวนการช่วย เอมี่ หลุดข้อหาค้ายาเสพติด อัจฉริยะ เดินหน้าเข้าพบ ผบชนมอบหลักฐานเพิ่มเติม แย้มภายใน 3 วันฟันตำรวจศาลาแดงข้อหาหนัก ลั่นไม่เข้าพบ กกสอบข้อเท็จจริงหากไม่เปลี่ยนตัวกรรมการตามที่เรียกร้อง ประกาศงานนี้ถูกยิงตายก็ยอม นายสรัลชา ศรีชลวัฒนา เลขาธิการสภาทนายความ เปิดเผยเมื่อวันที่ 24 กันยายนนี้ กรณีมีการร้องเรียนเรื่องทนายความเข้าไปเกี่ยวข้องกับการวิ่งเต้นคดี ว่า ทางสภาทนายความได้ตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว โดยจะมีการนัดประชุมเรื่องนี้ในวันที่ 27-28 กยนี้ ก่อนที่จะเรียกทนายความที่ถูกกล่าวอ้างมาให้ข้อมูล ซึ่งหากที่ประชุมตรวจสอบพบว่ามีความผิดจริงก็จะดำเนินการลบชื่อออกจากการเป็นทนายความ จะมีผลทำให้ไม่สามารถว่าความได้อีกต่อไป ก่อนหน้านี้ นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม ได้ร้องเรียนผู้บัญชาการตำรวจนครบาล ว่า คดี นสอาเมเรีย จาคอป หรือเอมี่ อดีตนางเอกและอดีตมิสทีนไทยแลนด์ ปี 2006 และนายปุณยวัจน์ หิรัณย์เตชะ แฟนหนุ่ม ถูกตำรวจจับกุมในคดียาเสพติด ได้มีเจ้าหน้าที่ตำรวจร่วมกับพลเรือนช่วยเหลือให้ นสอาเมเรียหลุดจากการถูกดำเนินคดีในข้อหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติด ทั้งนี้ ทนายความที่รับว่าความให้ นสอาเมเรีย คือนายษิทรา เบี้ยกำเนิด หรือทนายตั้ม ซึ่งต่อมาศาลจังหวัดมีนบุรีพิพากษาให้จำคุก นสอาเมเรีย 3 เดือน ปรับ 5,000 บาท โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี โดยให้ยกฟ้องความผิดฐานจำหน่ายยาไอซ์ เนื่องจากพยานหลักฐานไม่เพียงพอ ที่กองบัญชาการตำรวจนครบาล นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงศ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม เข้าพบ พลตทชาญเทพ เสสะเวช ผบชน เพื่อมอบหลักฐานคดียาเสพติดที่นายอัจฉริยะอ้างว่ามีหลักฐานตำรวจร่วมกันทุจริตในการช่วยเหลือให้ นสอาเมเรียหลุดพ้นคดีในชั้นศาล นายอัจฉริยะเปิดเผยภายหลังว่า วันนี้มาขอเข้าพบ ผบชนเพื่อให้ข้อมูลเพิ่มเติม และมอบหลักฐานเรื่องขบวนการวิ่งเต้นคดี นสอาเมเรียพ้นข้อหาจำหน่ายยาเสพติด โดยภายใน 3 วันนี้ ตนจะดำเนินคดีกับบุคคลที่เกี่ยวข้องกับขบวนการวิ่งเต้นคดี ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ สนศาลาแดง ส่วนจะเป็นข้อหาอะไร อยู่ระหว่างพิจารณา แต่มั่นใจว่าจะเป็นข้อหาหนัก เชื่อว่าตำรวจคนนี้เป็น 1 ในผู้ร่วมขบวนการ เป็นพยานที่ผู้ต้องหาใช้ต่อสู้คดี ซึ่งปรากฏหลักฐานในชั้นการเบิกความของศาล ทั้งที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในคดี แต่สามารถทำให้มีผลกับคดีความได้ ส่วนที่คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงคดีดังกล่าวเรียกให้ผมมาสอบปากคำในวันที่ 26 กันยายนนี้ ผมคงไม่ไม่เดินทางมาพบ จนกว่าจะมีการเปลี่ยนชุดคณะกรรมการตามที่ได้ร้องขอไปก่อนหน้านี้ การเปลี่ยนคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่นายอัจฉริยะเรียกร้อง คือให้ถอด ผกกสนสายไหมออกจากการเป็นกรรมการ เนื่องจากเป็นเจ้าของพื้นที่เกิดเหตุ เกรงจะไม่ได้รับความเป็นธรรม นายอัจฉริยะกล่าวว่า วันเดียวกันนี้จะเดินทางไปร้องอัยการสูงสุด เพื่อมอบหลักฐานและขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมในการพิจารณาคดี ซึ่งหลักฐานดังกล่าวเชื่อมโยงถึงอัยการด้วย โดยขบวนการนี้มีทั้งข้าราชการและพลเรือน รวมถึงบุคคลที่แอบอ้างตัวเป็นอัยการที่จะให้อธิบดีอัยการคดียาเสพติดพิจารณา นอกจากนี้ตนยังมีพยานที่ใช้ฉายาว่า กุ้งมังกร 5 หมื่นบาท ซึ่งเป็นพยานบุคคลสำคัญ กุมความลับเรื่องนี้ รวมถึงความลับของทนายคนดังด้วย ซึ่งจะเก็บไว้เปิดเผยในภายหลัง การทำครั้งนี้ ถึงแม้ผมจะถูกยิงตาย ผมก็ยินดี เพราะหลักฐานมันค่อนข้างชัด ก็ขอให้ทีมงาน ผบชน ทำงานก่อน นายอัจฉริยะกล่าว...
สนาม: ไชน่าเดลี่
บทนำ:ล่าสุดจากเปียงยาง : ไม่รักกัน นั่งโซ้ยบะหมี่เย็นด้วยกันไม่ได้ 25 กันยายน พศ 2561 เวลา 00:01 น สัปดาห์นี้ผมคาดว่าจะมีความคึกคักในกิจกรรมการทูตระดับสูงระหว่างเปียงยางกับปักกิ่งและระหว่างกรุงโซลกับวอชิงตัน และอย่าได้แปลกใจหากโตเกียวก็มีความคึกคัก ต่อสายกับวอชิงตันอย่างรีบร้อน แม้แต่มอสโกก็อยู่เฉยไม่ได้ ต้องเชื่อมต่อกับปักกิ่งและเปียงยางอย่างกระตือรือร้น ทั้งหมดนี้เป็นเพราะการประชุมสุดยอดครั้งล่าสุดเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ระหว่างผู้นำของเกาหลีใต้กับเกาหลีเหนืออีกรอบหนึ่ง ประโยคเด็ดจากคิม จองอึน ของเกาหลีเหนือ ต่อหน้าประธานาธิบดีมุน แจอิน ของเกาหลีใต้ เมื่อวันที่ 19 กันยายนที่ผ่านมา เมล็ดพันธุ์แห่งสันติภาพและความเฟื่องฟูที่เราได้หย่อนเอาไว้นั้น วันนี้ได้เติบโตเป็นผลไม้แห่งฤดูใบไม้ร่วงแล้ว การพบกันรอบที่ 3 ระหว่าง 2 ผู้นำเกาหลีเหนือและใต้ที่กรุงเปียงยาง มีเนื้อหาเป็นรูปธรรมอย่างมีนัยสำคัญต่ออนาคตของโลก เกินความคาดหมายของหลายๆ ฝ่ายทีเดียว ประธานาธิบดีมุน แจอิน ของเกาหลีใต้ บอกว่า คิม จองอึน แห่งเกาหลีเหนือกับเขาตกลงกันว่า 1เกาหลีเหนือตกลงให้มีขั้นตอนที่ชัดเจนเป็นครั้งแรกในการเลิกโครงการนิวเคลียร์ด้วยการยอมให้ ผู้สังเกตการณ์นานาชาติ เข้ามาตรวจที่ตั้งและอุปกรณ์นิวเคลียร์ และเดินหน้ารื้อสถานีนิวเคลียร์ Yongbyon (ทรัมป์เขียนในทวิตเตอร์ว่าอาจจะต้องมีการเจรจารายละเอียดในขั้นสุดท้ายอีกทีหนึ่งก่อน และจากนี้ไปจะไม่มีการทดลองจรวดหรือขีปนาวุธจากเกาหลีเหนืออีก) ทั้งนี้ สหรัฐจะต้องทำตามข้อสัญญากับเกาหลีเหนือด้วยตามคำประกาศร่วมเมื่อวันที่ 12 มิถุนายน ระหว่างทรัมป์กับคิม คำที่สำคัญที่สุดในแถลงการณ์นี้คือ การเปิดทางสู่การเลิกโครงการนิวเคลียร์ของโสมแดงอย่าง ถาวร (permanent dismantling) 2เกาหลีเหนือและใต้จะร่วมกันเสนอเป็นเจ้าภาพกีฬาโอลิมปิกส์ 2032 3คิมประกาศว่าจะไปเยือนกรุงโซล เกาหลีใต้ในเร็วๆ นี้หากเกิดขึ้นจริงก็จะเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ที่ผู้นำเกาหลีเหนือมาเหยียบเมืองหลวงของเกาหลีใต้ (ครั้งแรกที่คิมเจอมุน แจอิน เมื่อต้นปี เกิดขึ้นที่ เขตปลอดทหาร หรือ Demilitarized Zone หรือ DMZ ตรงชายแดนระหว่าง 2 ประเทศ) 4เกาหลีเหนือและใต้จะเชื่อมทางรถไฟเพื่อให้การคมนาคมสะดวกสำหรับคนทั้ง 2 ฝั่ง แน่นอนว่า มุน แจอิน กำลังทำหน้าที่เป็น กาวใจ ระหว่างคิม จองอึน กับโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ยังไม่มีกำหนดจะพบกันรอบที่ 2 วันไหน ที่ไหน และจะพูดกันเรื่องอะไร เพราะตั้งแต่การประชุมสุดยอดของคิมกับทรัมป์ที่สิงคโปร์ เมื่อ 12 มิถุนายน แล้วก็ไม่มีความคืบหน้าอะไรที่ชัดเจน เพราะต่างฝ่ายต่างตีความว่าอีกฝ่ายหนึ่งจะต้องเดินก้าวแรกให้เห็นเสียก่อนเพื่อแสดงความจริงใจที่จะเดินไปสู่การยุติการเผชิญหน้ากันอย่างถาวร คิมต้องการให้ทรัมป์ยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร อย่างถาวร และประกาศยุติสงครามเกาหลีที่มีแต่เพียงข้อตกลงหยุดยิง แต่ไม่มีสัญญาเลิกสงครามอย่างเป็นทางการมากว่า 60 ปีแล้ว และคิมต้องการให้ทรัมป์ให้คำยืนยันมั่นเหมาะว่าจะรับรองความมั่นคงปลอดภัยของเกาหลีเหนือและตัวเขาเองจากการรุกรานของสหรัฐ ไม่ว่าจะเป็นทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม ตีความได้ไม่ยากว่าคิมกำลังโยนลูกบอลกลับมาที่ทรัมป์อีกครั้ง ขณะที่แสดงให้ชาวโลกได้เห็นว่าเขาสามารถแปรผันภาพลักษณ์ ผู้นำกร้าวที่ไม่ยอมถอยแม้แต่ก้าวเดียว มาเป็น นักการทูตชั้นเทพ ที่สามารถเล่นเกมการต่อรองเจรจาอย่างคล่องแคล่วด้วยรอยยิ้มที่ทำให้หลายประเทศมีความเห็นอกเห็นใจมากขึ้นอย่างเหลือเชื่อ ใครจะเชื่อว่าในระยะเวลาอันสั้น คิม จองอึน สามารถทำสิ่งที่เคยเชื่อว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ให้กลายเป็น ปรากฏการณ์เกินความคาดหมาย ได้ถึงเพียงนี้ ประเด็นตามมาก็คือ ทรัมป์จะยอมตามเงื่อนไขของคิมเพียงใด และมุน แจอิน จะพยายามปิดช่องว่างระหว่างเปียงยางกับวอชิงตันได้มากน้อยเพียงใด ผมแว่วๆ ว่ารัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ไมค์ ปอมเปโอ ได้เกริ่นทำนองว่า จะขีดเส้นตายให้เกาหลีเหนือยุติโครงการนิวเคลียร์อย่างถาวรในปลายปี 2021 หรืออีก 3 ปีจากนี้ไป นั่นจะเป็น ไทม์ไลน์ หรือ เส้นตาย ที่ต้องต่อรองด้วยการเจรจากันอย่างไร เป็นประเด็นที่จะตัดสินว่าการประชุมสุดยอดระหว่างผู้นำมะกัน, เกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะบรรลุเป้าหมายได้หรือไม่อย่างไร ผมเห็นว่าท้ายที่สุดแล้ว หากจะทำให้คำมั่นสัญญาทั้งหลายกลายเป็นความจริงได้จะต้องมีการประชุมสุดยอดของ 6 ฝ่ายที่เคยประชุมกันมาแล้ว แต่ล้มเหลวมาตลอด นั่นคือผู้นำเกาหลีเหนือ, เกาหลีใต้, สหรัฐ, จีน, รัสเซียและญี่ปุ่นจะต้องนั่งลงวาด Road Map ไปสู่การสร้างสันติภาพอย่างถาวรสำหรับคาบสมุทรเกาหลีกันอย่างจริงจัง
ลิงค์ที่เป็นมิตรเวลาปัจจุบัน:2021-03-02